กฎหมายแรงงานและอัตราค่าจ้างแรงงาน
การจ้างแรงงาน
กฎหมายแรงงาน
กฎหมายแรงงานหลักที่เกี่ยวข้องกับแรงงานและมีความสัมพันธ์กับอุตสาหกรรม ได้แก่
- กฎหมายเลขที่ 3/1992 ว่าด้วยสวัสดิการทางสังคมของแรงงาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับสิทธิประโยชน์ของการเกษียณอายุ การได้รับอุบัติเหตุจากการทำงาน การเสียชีวิต และการประกันสุขภาพ (ใช้บังคับกับบริษัทที่มีคนงานตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป) ซึ่งต่อมาได้มีการบังคับใช้กฎหมายที่ 40/2004 ว่าด้วยระบบประกันสังคมแห่งชาติ เมื่อ 1 ม.ค. 2557 ครอบคลุมการแก้ไขข้อบังคับ และสัดส่วนสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของแรงงานด้วย
- กฎหมายเลขที่ 21/2003 ว่าด้วยสหภาพแรงงาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับสิทธิในการจัดตั้งสหภาพแรงงาน การเป็นสมาชิกของสหภาพ การจัดตั้งสมาพันธ์สหภาพแรงงาน และสภาแห่งชาติของแรงงาน
- กฎหมายเลขที่ 13/2003 ว่าด้วยกำลังคน ซึ่งเกี่ยวข้องกับองค์กรความร่วมมือด้านแรงงานแบบพหุภาคี และไตรภาคี
- กฎหมายเลขที่ 2/2004 ว่าด้วยการระงับข้อพิพาทของแรงงาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับวิธีระงับข้อพิพาทระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างการนำคดีไปสู่ศาล และการตัดสินชี้ขาดตามกฎหมาย
หน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบด้านแรงงาน คือ กระทรวงแรงงาน (Ministry of Manpower) ซึ่งมีผู้บริหารสูงสุด คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง
นโยบายของกำลังคนอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายแรงงาน เลขที่ 13/2003 ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน สาระสำคัญของกฎหมายแรงงาน ประกอบด้วย
- พื้นฐาน หลักการ และเป้าหมายของการพัฒนาแรงงาน
- การวางแผนแรงงานและข้อมูลข่าวสารของแรงงาน
- การจัดหาโอกาสที่เท่าเทียมกันของแรงงานและการปฏิบัติต่อคนงาน
- การฝึกอบรมแรงงานเพื่อส่งเสริมและปรับปรุงทักษะแรงงานและประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้น
- การจ้างแรงงานภายใต้โครงการสร้างพลังอำนาจที่สมดุลของแรงงาน ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลในการขยายโอกาสของการทำงาน
- การจ้างแรงงานต่างชาติที่ถูกต้องและตรงกับทักษะ ความสามารถของแรงงาน
- การพัฒนาความร่วมมือกันของแรงงานตามแนวทางของปัญจสิรา (Pancasila) เพื่อมุ่งไปสู่ความเป็นอันหนึ่งเดียวกัน (Harmonious) มีพลังและสร้างสรรค์ (Dynamic) และมีความสัมพันธ์กัน (Relation)
- การพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก สถาบัน และข้อตกลงร่วมกัน รวมทั้ง องค์กรพหุภาคี องค์กรไตรภาคี ความร่วมมือกันทางสังคม และการแก้ปัญหาความขัดแย้งของแรงงาน
- ปกป้องคุ้มครองแรงงาน รวมทั้งสิทธิของแรงงานในการเจรจาต่อรองกับนายจ้าง ความมั่นคงของแรงงาน สวัสดิภาพของการทำงาน การคุ้มครองแรงงานสตรี แรงงานเด็ก และแรงงานทุพลภาพ ประกันค่าจ้างแรงงาน สวัสดิการและความมั่นคงทางสังคมของแรงงาน
- การควบคุมกำกับแรงงานให้ปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างถูกต้อง
ประเภทของงาน
การจ้างแรงงานแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
- พนักงานประจำ (Permanent workers) จะได้รับเงินเดือน โบนัส และสวัสดิการอื่นๆ
- พนักงานแบบสัญญา (Contract workers) จะได้รับการจ้างงานตามระยะเวลาที่กำหนดตามสัญญาการจ้างงานที่ทำกับนายจ้าง รัฐบาลมีกฎระเบียบว่า สัญญาการจ้างงานจะมีอายุสูงสุดเพียง 2 ปีและสามารถต่อสัญญาได้อีก 1 ปีแต่ไม่เกิน 2 ปี ปัจจุบันหลายบริษัทเลือกใช้วิธีการจ้างงานตามระยะเวลาที่กำหนดตามสัญญาฯ เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินค่าชดเชยในกรณีที่มีการให้พนักงานออกจากงาน นายจ้างมีสิทธิที่จะบอกเลิกหรือต่อสัญญาจ้าง พนักงานที่มีการจ้างแบบระะสัญญาจ้างจะได้รับเงินเดือนเป็นรายเดือน มีวันหยุดตามศาสนา แต่ไม่มีสวัสดิการใดๆ
- พนักงานแบบรับช่วงต่อ (Outsourcing workers) เป็นระบบที่มีการจัดหาพนักงานให้กับบริษัทอื่นๆ ที่มีความต้องการพนักงาน พนักงานที่ได้รับการคัดเลือกภายใต้ระบบการรับช่วงต่ออาจมีสถานะเป็นพนักงานประจำ หรือพนักงานชั่วคราว บริษัทที่ให้บริการจัดหาพนักงานรับช่วงต่อจะต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงแรงงาน ทั้งนี้ กฎหมายแรงงานเลขที่ 13/2003 มีมาตราสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการจ้างพนักงานแบบรับช่วงต่อ ดังนี้
(1) มาตราที่ 50-55 และมาตราที่ 56-59 กำหนดให้พนักงานแบบรับช่วงต่ออาจทำงานพิเศษนอกเหนือจากงานประจำหรือทำงานพิเศษที่เกี่ยวข้องกับงานประจำก็ได้
(2) มาตราที่ 66 มีงานเพียง 5 ประเภทเท่านั้นที่สามารถจ้างพนักงานทำงานภายใต้ระบบการรับช่วงต่อ ได้แก่ งานบริการจัดเลี้ยง การให้บริการทำความสะอาด การรักษาความปลอดภัย บริการสนับสนุนการทำเหมือง และบริการขนส่งพนักงาน หากเป็นงานที่นอกเหนือจากงาน 5 ประเภทข้างต้นอาจไม่สามารถจ้างพนักงานทำงานภายใต้ระบบการรับช่วงต่อได้
เวลาการทำงาน
กฎหมายแรงงานอินโดนีเซียมีข้อกำหนดว่า เวลาการทำงานจะต้องไม่มากกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ โดยสามารถทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน สำหรับผู้ที่ทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ หรือ 7 ชั่วโมงต่อวันสำหรับคนที่ทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ ทั้งนี้ กฎระเบียบของเวลาทำงานจะไม่มีผลบังคับใช้กับงานในบางสาขาที่กำหนด
หากนายจ้างว่าจ้างให้ทำงานล่วงเวลา จะต้องจ่ายเงินค่าล่วงเวลาในอัตรา ดังนี้
ลักษณะของงาน | วันที่ทำงาน | ชั่วโมงที่ทำงานล่วงเวลา | อัตราตัวคูณพื้นฐาน |
ทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ | ทำงานในวันพัก (rest day) หรือวันหยุด (national holiday) | 8 ชั่วโมงแรก | 2 เท่า |
ชั่วโมงที่ 9 | 3 เท่า | ||
ชั่วโมงที่ 10 | 4 เท่า | ||
ทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ | ทำงานในวันพัก (rest day) หรือวันหยุด (national holiday) ซึ่งไม่ตรงกับวันทำงานทั่วไป | 1-5 ชั่วโมงแรก | 2 เท่า |
ชั่วโมงที่ 6 | 3 เท่า | ||
ชั่วโมงที่ 7 และ 8 | 4 เท่า | ||
ทำงานในวันพัก (rest day) หรือวันหยุด (national holiday) ซึ่งตรงกับวันทำงานทั่วไป | 1-7 ชั่วโมงแรก | 2 เท่า | |
ชั่วโมงที่ 8 | 3 เท่า | ||
ชั่วโมงที่ 9 | 4 เท่า |
ที่มา: รายงานการวิเคราะห์อุตสาหกรรมและพื้นที่เป้าหมายเชิงลึกของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย, สำนักงานส่งเสริมการลงทุน
การฝึกอบรมของพนักงาน
กฎกระทรวงแรงงานเลขที่ KEP.261/MEN/XI/2004 ได้กำหนดให้บริษัทที่มีพนักงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปจะต้องจัดฝึกอบรมให้แก่พนักงานอย่างน้อยร้อยละ 5 ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในแต่ละปีบริษัทที่ถูกกำหนดให้จัดฝึกอบรมในแต่ละปีนั้น จะต้องจัดเตรียมกำหนดการฝึกอบรมรายปีซึ่งประกอบด้วยประเภทของการฝึกอบรม ระยะเวลาและสถานที่ของการฝึกอบรม ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการจัดการฝึกอบรมจะเป็นความรับผิดชอบของบริษัททั้งหมด
การลาของลูกจ้างและวันหยุด
- วันหยุดรายสัปดาห์ กำหนดให้มีวันหยุด 1 วันหลังจากทำงาน 6 วันและวันหยุด 2 วันหลังจากทำงาน 5 วัน
- วันหยุดรายปี กำหนดให้มีวันหยุดได้ 12 วันทำงานหลังจากที่ทำงานต่อเนื่องกัน 12 เดือนขึ้นไป
- วันหยุดพักผ่อน กำหนดให้หยุดได้ไม่เกิน 2 สัปดาห์หลังจากที่ทำงานมาแล้วอย่างน้อย 6 ปี
- วันหยุดทางศาสนา ตามกฎกระทรวงแรงงานเลขที่ 04/MEN/1994 บริษัทจะกำหนดให้พนักงานได้หยุดงานในวันหยุดทางศาสนาทุกปี
- วันลาป่วย กฎหมายแรงงานระบุให้นายจ้างยังต้องจ่ายค่าจ้างหากทำงานต่อไปในอัตราปกติ ยกเว้นกรณีลูกจ้างไม่สามารถปฏิบัติงานได้เป็นเวลานาน จึงจะสามารถลดค่าจ้างได้ตามสัดส่วน ดังนี้
ระยะเวลาการขาดงาน | สัดส่วนในการลดค่าตอบแทน |
ขาดงาน 4 เดือนแรก | จ่ายค่าจ้างเต็มจำนวน |
ขาดงานต่อเนื่องนานกว่า 4 เดือน แต่ไม่เกิน 8 เดือน | จ่ายค่าจ้างร้อยละ 75 ของอัตราค่าจ้างปกติ |
ขาดงานต่อเนื่องนานกว่า 8 เดือน แต่ไม่เกิน 12 เดือน | จ่ายค่าจ้างร้อยละ 50 ของอัตราค่าจ้างปกติ |
ขาดงานต่อเนื่องนานกว่า 12 เดือน | จ่ายค่าจ้างร้อยละ 25 ของอัตราค่าจ้างปกติ |
ที่มา: รายงานการวิเคราะห์อุตสาหกรรมและพื้นที่เป้าหมายเชิงลึกของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย, สำนักงานส่งเสริมการลงทุน
การเลิกจ้าง
ในกรณีนายจ้างประสงค์จะเลิกจ้างแรงงาน กฎหมายแรงงานอินโดนีเซียกำหนดให้นายจ้างจ่ายเงินชดเชยให้แรงงานตามอายุการทำงาน โดยต้องจ่ายค่าชดเชยขั้นต่ำ (severance pay) และเงินชดเชยพิเศษ (long service reward pay) สำหรับลูกจ้างที่มีอายุการทำงานมากกว่า 3 ปี อัตราการจ่ายเงินชดเชยกรณีการเลิกจ้าง มีดังนี้
อายุการทำงาน | เงินชดเชยขั้นต่ำ (severance pay) |
อายุการทำงาน | เงินชดเชยพิเศษ (long service reward pay) |
น้อยกว่า 1 ปี | 1 เดือน | น้อยกว่า 3 ปี | - |
1 ปีขึ้นไป แต่น้อยกว่า 2 ปี | 2 เดือน | 3 ปีขึ้นไป แต่น้อยกว่า 6 ปี | 2 เดือน |
2 ปีขึ้นไป แต่น้อยกว่า 3 ปี | 3 เดือน | 6 ปีขึ้นไป แต่น้อยกว่า 9 ปี | 3 เดือน |
3 ปีขึ้นไป แต่น้อยกว่า 4 ปี | 4 เดือน | 9 ปีขึ้นไป แต่น้อยกว่า 12 ปี | 4 เดือน |
4 ปีขึ้นไป แต่น้อยกว่า 5 ปี | 5 เดือน | 12 ปีขึ้นไป แต่น้อยกว่า 15 ปี | 5 เดือน |
5 ปีขึ้นไป แต่น้อยกว่า 6 ปี | 6 เดือน | 15 ปีขึ้นไป แต่น้อยกว่า 18 ปี | 6 เดือน |
6 ปีขึ้นไป แต่น้อยกว่า 7 ปี | 7 เดือน | 19 ปีขึ้นไป แต่น้อยกว่า 21 ปี | 7 เดือน |
7 ปีขึ้นไป แต่น้อยกว่า 8 ปี | 8 เดือน | 21 ปีขึ้นไป แต่น้อยกว่า 24 ปี | 8 เดือน |
ตั้งแต่ 8 ปีขึ้นไป | 9 เดือน | ตั้งแต่ 24 ปีขึ้นไป | 9 เดือน |
ที่มา: รายงานการวิเคราะห์อุตสาหกรรมและพื้นที่เป้าหมายเชิงลึกของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย, สำนักงานส่งเสริมการลงทุน
อย่างไรก็ดี ตามกฎหมายแรงงานอินโดนีเซีย การยกเลิกสัญญาจ้างจะต้องเป็นความยินยอมของทั้งนายจ้างและลูกจ้าง หากลูกจ้างไม่ยินยอม นายจ้างจะต้องยื่นขอต่อศาลหรือ Institute for the settlement of industrial relation disputes (“ISRID”) นอกเหนือจากบางกรณี เช่น ยังไม่ผ่านช่วงทดลองงาน
สหภาพแรงงาน
ตามกฎหมายฉบับที่ 21/2000 รัฐบาลอนุญาตให้พนักงานทุกคนมีสิทธิในการจัดตั้งสหภาพแรงงานและเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงาน ทั้งนี้ บริษัทที่มีคนงานอย่างน้อย 10 คนก็สามารถจัดตั้งสหภาพแรงงานได้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนกับนายจ้าง สหภาพแรงงานสามารถจัดตั้งโดยพนักงานในบริษัทหรือบุคคลภายนอกบริษัทก็ได้ ทั้งนี้ รูปแบบสหภาพแรงงานคือเป็นองค์กรอิสระและเปิดเผย เป็นประชาธิปไตยและรับผิดชอบในการต่อสู้เพื่อแรงงานในกรณีที่มีข้อโต้แย้งกับนายจ้าง องค์กรของรัฐที่เกี่ยวข้องกับแรงงานคือสมาพันธ์แรงงานแห่งชาติ (Federation of Indonesian Workers) ซึ่งประกอบด้วยสหภาพแรงงานจำนวน 21 แห่งและ SPLP จำนวน 13 แห่ง
นับตั้งแต่ช่วงปฏิรูปของประเทศ สหภาพแรงงานมีบทบาทที่สำคัญในการต่อสู้เรียกร้องสิทธิของแรงงาน เรียกร้องค่าจ้างขั้นต่ำ การระงับข้อพิพาท การประท้วงตามท้องถนน การร้องเรียนต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อป้องกันการปลดพนักงานจำนวนมากออกและการระงับข้อพิพาทระหว่างพนักงานและนายจ้าง รัฐบาลจึงได้จัดตั้ง คณะกรรมการ 2 ฝ่าย ขึ้นตามกฎกระทรวงที่ PER.32/MEN/XII/2008 ณ ปี 2009 คณะกรรมการ 2 ฝ่าย ประกอบด้วย 11,832 บริษัท ตัวแทน 210 ในเทศบาลชุมชนต่าง ๆ ครอบคลุม 31 แห่ง และคณะกรรมการของรัฐ
ในระดับชาติ คณะกรรมการไตรภาคี (LKS) ประกอบด้วย ตัวแทนภาครัฐสหภาพแรงงาน และองค์กรนายจ้าง ซึ่งผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายนี้จะถูกกำหนดและปกป้องให้ความเป็นธรรมโดยกฎหมาย
การประกันสังคม
นับตั้งแต่ 1 ม.ค. 2557 รัฐบาลอินโดนีเซียได้ปฏิรูประบบประกันสังคมใหม่ โดยได้ปรับภารกิจและโครงสร้างของหน่วยงานประกันสังคมเดิม (Jamsostek) เปลี่ยนเป็น Badan Penyelenggara Jaminan Sosial (Social Security Organizing Agency) หรือ BPJS โดยแยกการดำเนินการด้านการประกันสุขภาพและการประกันสังคมออกจากกัน กล่าวคือ การประกันสุขภาพอยู่ภายใต้การดูแลของ BPJS-Kesehatan (BPJS Health) ซึ่งครอบคลุมถึงการประกันสุขภาพของประชาชนทั่วไป ซึ่งรวมถึงการประกันสุขภาพของแรงงานด้วย และการประกันสังคมของแรงงานอยู่ภายใต้การดูแลของ BPJS-Ketenagakerjaan (BPJS Manpower) ซึ่งครอบคลุมถึงการประกันอุบัติเหตุหรือการเสียชีวิตระหว่างทำงาน เงินบำนาญ เป็นต้น
ทั้งนี้ ภายใต้กฎระเบียบใหม่นี้ ระบุให้นายจ้างที่จ้างแรงงานมากกว่า 10 คนขึ้นไป และมีอัตราค่าจ้างมากกว่า 1 ล้านรูเปียห์/คน/เดือน จะต้องทำประกันสุขภาพและประกันสังคมให้กับลูกจ้าง แม้ว่าบริษัทอาจจัดหาสวัสดิการการประกันสุขภาพที่ดีกว่าให้ลูกจ้างอยู่แล้วก็ตาม ซึ่งระเบียบนี้ใช้บังคับกับลูกจ้างต่างชาติที่ทำงานในอินโดนีเซียมากกว่า 6 เดือนขึ้นไปด้วย
อัตราการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมและประกันสุขภาพ
ประเภทของการประกัน | อัตราส่วนที่นายจ้างจ่าย | อัตราส่วนที่ลูกจ้างจ่าย |
การประกันอุบัติเหตุจากการทำงาน | ร้อยละ 0.24-1.74 (ขึ้นกับภาคธุรกิจและกิจกรรมที่ดำเนินงาน) |
- |
เงินสำรองเลี้ยงชีพ (old age fund) | ร้อยละ 3.7 | ร้อยละ 2.0 |
เงินชดเชยกรณีเสียชีวิต/ค่าทำศพ | ร้อยละ 0.3 | - |
การประกันสุขภาพ - กรณีลูกจ้างในระบบ - กรณีลูกจ้างนอกระบบ/แรงงานอิสระ (สมัครใจเข้าโครงการเอง) |
ร้อยละ 4 - |
ร้อยละ 1 บริการชั้น 3 : 25,000 รูเปียห์/คน/เดือน บริการชั้น 2 : 42,500 รูเปียห์/คน/เดือน บริการชั้น 1 : 59,500 รูเปียห์/คน/เดือน |
ที่มา: รายงานการวิเคราะห์อุตสาหกรรมและพื้นที่เป้าหมายเชิงลึกของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย, สำนักงานส่งเสริมการลงทุน และ Makarim and Taira S., Overview of Indonesia’s Health and Manpower Social Security System
อัตราค่าจ้างแรงงาน
อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (Upah Minimum Provinsi – UMP) ของอินโดนีเซียปรับขึ้นทุกปี และมีอัตราไม่เท่ากันในแต่ละจังหวัด เมื่อเดือนตุลาคม 2558 รัฐบาลอินโดนีเซียได้ออกกฎหมายที่ 78/2015 ว่าด้วยอัตราค่าจ้าง (Government Regulation No, 78 of 2015 concerning Manpower Wage) โดยได้กำหนดเกณฑ์การปรับขึ้นค่าจ่างขั้นต่ำโดยใช้สูตรการคำนวณ คือ
ตารางอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของแต่ละจังหวัดในปี 2559 (สกุลเงินรูเปียห์)
Province | 2016 | 2015 | Increase | % |
West Jawa * | 1,312,355 | - | 1,312,355 | - |
East Nusa Tenggara | 1,425,000 | 1,250,000 | 175,000 | 14.00 |
West Nusa Tenggara | 1,482,950 | 1,330,000 | 152,950 | 11.50 |
Bengkulu | 1,605,000 | 1,500,000 | 105,000 | 7.00 |
Central Sulawesi | 1,670,000 | 1,500,000 | 170,000 | 11.33 |
North Maluku | 1,681,266 | 1,577,617 | 103,649 | 6.57 |
West Kalimantan | 1,739,400 | 1,560,000 | 179,400 | 11.50 |
Lampung | 1,763,000 | 1,581,000 | 182,000 | 11.51 |
Maluku | 1,775,000 | 1,650,000 | 125,000 | 7.58 |
Banten | 1,784,000 | 1,600,000 | 184,000 | 11.50 |
West Sumatera | 1,800,725 | 1,615,000 | 185,725 | 11.50 |
Bali | 1,807,600 | 1,621,172 | 186,428 | 11.50 |
North Sumatera | 1,811,875 | 1,625,000 | 186,875 | 11.50 |
Southeast Sulawesi | 1,850,000 | 1,652,000 | 198,000 | 11.99 |
West Sulawesi | 1,864,000 | 1,655,500 | 208,500 | 12.59 |
Gorontalo | 1,875,000 | 1,600,000 | 275,000 | 17.19 |
Jambi | 1,906,650 | 1,710,000 | 196,650 | 11.50 |
Central Kalimantan | 2,057,550 | 1,896,367 | 161,183 | 8.50 |
South Kalimantan | 2,085,050 | 1,870,000 | 215,050 | 11.50 |
Riau | 2,095,000 | 1,878,000 | 217,000 | 11.55 |
Aceh | 2,118,500 | 1,900,000 | 218,500 | 11.50 |
East Kalimantan | 2,161,253 | 2,026,126 | 135,127 | 6.67 |
North Kalimantan | 2,175,340 | 2,026,126 | 149,214 | 7.36 |
Riau Islands | 2,178,710 | 1,954,000 | 224,710 | 11.50 |
South Sumatera | 2,206,000 | 1,974,346 | 231,654 | 11.73 |
West Papua | 2,237,000 | 2,015,000 | 222,000 | 11.02 |
South Sulawesi | 2,250,000 | 2,000,000 | 250,000 | 12.50 |
Bangka Belitung | 2,341,500 | 2,100,000 | 241,500 | 11.50 |
North Sulawesi | 2,400,000 | 2,150,000 | 250,000 | 11.63 |
Papua | 2,435,000 | 2,193,000 | 242,000 | 11.04 |
Jakarta | 3,100,000 | 2,700,000 | 400,000 | 14.81 |
*เป็นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ทางจังหวัดประกาศอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2010 แต่ West Java ประกาศใช้อัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามแต่ละเมือง (Upah Minimum Kabupaten/Kota - UMK) ซึ่งบางเมือง เช่น Bekasi และ Karawang เป็นเมืองที่มีนิคมอุตสาหกรรมจำนวนมาก มีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสูงถึง 3.3 ล้านรูเปียห์ ซึ่งสูงที่สุดในประเทศ
1 คำนวณจากอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ย. ของปีก่อนการคำนวณถึงเดือน ก.ย. ของปีที่คำนวณ
2 คำนวณจากอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ไตรมาส 3 ของปีก่อนการคำนวณ ถึงไตรมาส 2 ของปีที่คำนวณ
แรงงานต่างชาติ
ตามกฎกระทรวงแรงงานฉบับที่ PER 02/MEN/III/2008 อนุญาตให้แรงงานต่างชาติที่ถือวีซ่าอินโดนีเซียที่ถูกต้อง สามารถทำงานในอินโดนีเซียได้ร่วมกับแรงงานท้องถิ่นเพื่อการถ่ายทอดความรู้ สาขาที่สามารถจ้างแรงงานต่างชาติได้คือ สำนักงานตัวแทนการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานตัวแทนของบริษัทในต่างประเทศหรือสำนักข่าวต่างประเทศ บริษัทลงทุนของต่างประเทศ บริษัทลงทุนของอินโดนีเซีย บริษัทที่ดำเนินงานเพื่อโครงการของรัฐ และโครงการช่วยเหลือต่างๆ สถาบันเพื่อสังคม การศึกษา วัฒนธรรมและศาสนา ธุรกิจบริการ ทั้งนี้ ไม่อนุญาตให้แรงงานต่างชาติทำงานมากกว่า 1 ตำแหน่ง หรือทำงานให้บริษัทมากกว่า 1 แห่ง ตำแหน่งที่อนุญาตให้จ้างแรงงานต่างชาติได้ คือช่างเทคนิค ผู้เชี่ยวชาญ ผู้จัดการ ผู้อำนวยการ คณะผู้แทน ที่ปรึกษา
นายจ้างที่ประสงค์จะจ้างแรงงานต่างชาติ จะต้องจัดทำแผนการใช้แรงงานต่างชาติ (Manpower Utilization Plan for Foreign Workers - PPTKA) ซึ่งจะต้องระบุเหตุผลการใช้แรงงานต่างชาติ ตำแหน่ง ค่าจ้าง จำนวน สถานที่ทำงาน ระยะเวลาการจ้าง และจำนวนแรงงานท้องถิ่นที่จะทำงานด้วย โดยแผนการใช้แรงงานต่างชาติที่มากกว่า 50 คนขึ้นไป จะต้องได้รับการอนุมัติจากกระทรวงแรงงาน แต่หากต้องการจ้างแรงงานต่างชาติต่ำกว่า 50 คน สามารถขอรับการอนุมัติจากผู้อำนวยการกอง ของกระทรวงแรงงาน ทั้งนี้ใบอนุญาตให้ใช้แรงงานต่างชาตินี้จะต้องต่ออายุทุก ๆ ปี
นายจ้างที่จ้างแรงงานต่างชาติจะต้องจัดให้แรงงานต่างชาตินั้นเข้าร่วมโครงการประกันสังคมและประกันสุขภาพด้วย หากทำงานในอินโดนีเซียตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
หากแรงงานต่างชาติได้รับค่าจ้างต่อเดือนมากกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐ นายจ้างจะต้องจ่ายเงินล่วงหน้าให้กับกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน (Dana Pengembangan Keahlian dan Keterampilan: DPKK) โดยการโอนเข้าบัญชีธนาคารของรัฐที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกำหนดไว้
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานอินโดนีเซียได้ออกกฎกระทรวงที่ 16/2015 ว่าด้วยขั้นตอนและข้อกำหนดในการจ้างแรงงานต่างชาติเพิ่มเติม โดยกำหนดให้
- บริษัทจะต้องจ้างแรงงานท้องถิ่น 10 คน ต่อการจ้างแรงงาน 1 คน
ยกเว้น แรงงานต่างชาติรายนั้นเป็นผู้บริหารระดับสูง/ผู้จัดการ/supervisor หรือเป็นการจ้างงานชั่วคราว - ผู้บริหารระดับสูง/ผู้จัดการ/supervisor ที่ไม่ได้มีถิ่นพำนักในอินโดนีเซียจะต้องขอรับใบอนุญาตทำงาน หรือ work permit (IMTA) ด้วย ซึ่ง IMTA จะมีอายุ 1 ปี สามารถขยายระยะเวลาได้
- นักธุรกิจที่เดินทางเข้ามาอินโดนีเซียเป็นระยะสั้น โดยมีวัตถุประสงค์ในการทำงานให้คำปรึกษา/สอนงาน/ตรวจสอบบัญชี/การติดตั้งอุปกรณ์หรือระบบ เป็นต้น จะต้องขอรับใบอนุญาตทำงานชั่วคราว ซึ่งมีอายุระหว่าง 1-6 เดือนด้วย
แหล่งข้อมูล: สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงจาการ์ตา