เศรษฐกิจรายสาขา

การลงทุนและอุตสาหกรรมปลายน้ำของอินโดนีเซีย (สถานะ เดือน มี.ค. 2567)

นาย Bahlil Lahadalia รัฐมนตรีกระทรวงการลงทุนอินโดนีเซีย ให้ความเห็นต่อผู้สื่อข่าวว่า นโยบายการลงทุนของรัฐบาลอินโดนีเซียชุดถัดไปน่าจะมีลักษณะไม่ต่างจากนโยบายในยุคของ ปธน. Joko Widodo มากนัก โดย 70% ของยุทธศาสตร์ของรัฐบาลอินโดนีเซียชุดปัจจุบันน่าจะถูกสานต่อ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน และทำให้การทำงานต่าง ๆ ไม่ถูก disrupt ทั้งนี้ คาดว่านโยบายการส่งเสริมเศรษฐกิจปลายน้ำจะคงอยู่ต่อไป โดยเฉพาะการห้ามส่งออกแร่สำคัญต่าง ๆ เพื่อแปรรูปเพิ่มมูลค่าภายใน ประเทศ ก่อนการส่งออก ซึ่งแม้จะทำให้เกิดการลงทุนใน อินโดนีเซีย อาทิ โรงงานผลิตแบตเตอรี่ EV ที่ลงทุนโดย Hyundai-LG และ Indonesia Battery Corporation (รัฐบาลอินโดนีเซีย) ที่เมือง Karawang จ. ชวาตะวันตก ที่กำลังจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือน เม.ย. 2567 แต่นโยบายดังกล่าวก็ทำให้อินโดนีเซียถูกโจมตีในเวทีการค้าโลกอย่างหนัก

ปัจจุบันการลงทุนในเหมืองแร่และการแปรรูปนิกเกิลใน อินโดนีเซีย กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว จากการลงทุนของบริษัทจีน และทำให้คาดว่าปีนี้ อินโดนีเซีย จะสามารถ supply นิกเกิลเกินครึ่งของ demand ในตลาดโลก และน่าจะถึง 70% ภายในปี ค.ศ. 2040 ซึ่งนิกเกิลราคาถูกที่มาจาก อินโดนีเซีย ทำให้ผู้ผลิตจาก ประเทศ อื่น ๆ อาทิ อต. ไม่สามารถแข่งขันในด้านราคา และต้องปิดตัวลงบางส่วน ปัจจุบันจึงมีกระแสเรียกร้องให้มีการแยกนิกเกิลที่ “สกปรก” (ผลิตโดยใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน) และ “สะอาด” (ผลิตโดยใช้พลังงานสะอาดหรือคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิต) รวมถึง carbon footprint ที่เกิดจากการผลิตด้วย เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถเลือกใช้นิกเกิลที่ตอบโจทย์ด้านนโยบายของบริษัท รวมถึงเป็นการลดส่วนแบ่งตลาดของนิกเกิลจากอินโดนีเซียด้วย

อย่างไรก็ดี อุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี่ EV ภายใน ประเทศ ปัจจุบันยังไม่สามารถเติบโตได้เท่ากับอุตสาหกรรมการแปรรูปนิกเกิล และยังมีผู้ลงทุนในการผลิตแบตเตอรี่ EV จำนวนน้อย ในปีนี้ อินโดนีเซีย จึงน่าจะสามารถ supply แบตเตอรี่ EV ในตลาดโลกได้เพียง 0.4% เท่านั้น ประกอบกับที่ปัจจุบันหลาย ประเทศ กำลังพยายามแข่งขันเพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ จึงคาดว่า อินโดนีเซีย จะเร่งดึงดูดการลงทุนและเทคโนโลยีแบตเตอรี่ EV ต่อไปเพื่อไม่ให้เสียประโยชน์ในระยะยาว



Back to the list