อินโดนีเซียทบทวนสัดส่วนการลงทุนของต่างชาติใหม่
เมื่อปลายปี 2556 รัฐบาลอินโดนีเซียได้ทบทวนสัดส่วนการลงทุน และการถือกิจการของต่างชาติในอินโดนีเซีย (Negative Investments List – DNI) ในสาขาสำคัญต่างๆ อาทิ การบริหารจัดการท่าอากาศยาน ท่าเรือ โทรคมนาคม โรงไฟฟ้า รวมถึงอัตราส่วนการลงทุนของต่างชาติในลักษณะ PPP ในสาขาต่างๆ ซึ่งรัฐบาล ได้เริ่มทบทวนมาตั้งแต่ปี 2553 รายละเอียดสำคัญ ดังนี้
1. สาขาที่เปิดให้มีการลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น
สาขา | อัตราเดิม (%) | อัตราใหม่ (%) |
สิ่งอำนวยความสะดวกในการคมนาคมทางบก เช่น สถานีรถโดยสาร สถานีรถไฟ | 0 | 49 |
การตรวจเช็คยานพาหนะ | 0 | 49 |
เภสัชภัณฑ์ | 75 | 85 |
ธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Venture capital Financing) |
80 | 85 |
ธุรกิจโฆษณา (สำหรับเฉพาะนักลงทุนจากอาเซียน) |
0 | 49 |
2. สาขาที่จำกัดการลงทุนจากต่างชาติมากขึ้น
สาขา | อัตราเดิม (%) | อัตราใหม่ (%) |
การกระจายสินค้า | 100 | 33 |
การจัดเก็บสินค้า | 100 | 33 |
ห้องเย็น | 100 | 33*/77** |
ฟาร์มเกษตรกรรม | 95 | 30 |
3. สัดส่วนการลงทุนในสาขาโทรคมนาคม
ได้แก่ Fixed telecommunications และโครงข่ายโทรคมนาคมมัลติมีเดีย ถูกกำหนดไว้ที่อัตราร้อยละ 65 และที่อัตราร้อยละ 49 สำหรับผู้ให้บริการมัลติมีเดีย ทั้งนี้ จากเดิมที่ไม่มีการควบคุมอัตราส่วนในการลงทุนมาก่อน
4. อัตราส่วนการลงทุนของต่างชาติในลักษณะ PPP
- 4.1 ท่าอากาศยาน และสถานีขนส่งทางบก – ร้อยละ 49
- 4.2 ท่าเรือ ประปา ทางด่วน – ร้อยละ 95
- 4.3 โรงไฟฟ้า – ร้อยละ 49 สำหรับโรงไฟฟ้ากำลังผลิต 1-10 เมกะวัตต์ และร้อยละ 100 สำหรับโรงไฟฟ้ากำลังผลิตมากกว่า 10 เมกะวัตต์
- 4.4 การส่งและการกระจายไฟฟ้า (transmission and distribution) – ร้อยละ 100
5. ข้อสังเกต
การทบทวนสัดส่วนการลงทุน/การถือกิจการของต่างชาติเป็นหนึ่งในมาตรการที่รัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลผลักดัน โดยเฉพาะนาย Chartib Basri รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอินโดนีเซีย ที่ต้องการออกมาตรการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพราะในช่วงปี 2556 ที่ผ่านมาการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ในอินโดนีเซียมีการเติบโตต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี นอกจากนี้ การเปิดให้นักลงทุนต่างชาติเข้าลงทุนในสาขาสำคัญ โดยเฉพาะในโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง น่าจะส่งผลดีต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากปัจจุบันอินโดนีเซียยังไม่สามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคต่างๆ ได้อย่างเพียงพอหรือมีคุณภาพดีพอ เพื่อรองรับความต้องการของเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นเป็นลำดับได้
อย่างไรก็ตาม การทบทวน DNI ได้รับการคัดค้านจากกระแสชาตินิยมในประเทศอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ประธานาธิบดี Yudhoyono ต้องออกมาประกาศชะลอการทบทวนตามข้อเสนอโดยรัฐมนตรีประสานงานเศรษฐกิจ (นาย Hatta Radjasa) และประกาศว่า จะเข้ามาดูแลในรายละเอียดด้วยตนเองโดยจะคำนึงถึง “ผลประโยชน์แห่งชาติ” เป็นหลัก และในที่สุด รัฐบาลก็ต้องปรับลดสัดส่วนการลงทุนของต่างชาติในบางสาขา อาทิ การบริหารจัดการสนามบินและท่าเรือจากเดิมเสนอไว้ที่อัตราร้อยละ 99 เหลือเพียงร้อยละ 49 ลงเป็นต้น จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า มาตรการแก้ไขจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงตามที่คาดหวังไว้หรือไม่ นอกจากนี้ ปัจจัยสำคัญที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข คือ การผ่อนปรน หรือปรับปรุงมาตรการและสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุนในสาขาเหมืองแร่ ซึ่งเดิมเป็นสาขาที่ FDI ไหลเข้าเป็นลำดับต้นๆ แต่เนื่องจากรัฐบาลออกมาตรการหลายประการที่บั่นทอนความเชื่อมั่นจึงทำให้เงินลงทุนในสาขาดังกล่าวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
แหล่งข้อมูล: สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงจาการ์ตา (28 มกราคม 2557)